http://bangkok-guide.z-xxl.com/?p=5205
.วัดสวนแก้ว หมู่ ๑ ตำบลบางเลน บางใหญ่ นนทบุรี เดิมชื่อ “วัดแก้ว”เป็นวัดร้างมาราว ๙๐ ปี เป็นสถานที่เผยแพร่ธรรมโดยพระพิศาลธรรมพาที(พระพยอม กัลยาโณ) เป็นพระนักพัฒนา ท่านได้ริเริ่มโครงการต่างๆของมูลนิธิสวนแก้วเพื่อพัฒนาสังคม และคุณภาพชีวิตของผู้ด้อยโอกาสในสังคมจนประสบความสำเร็จ เช่น โครงการร่มโพธิ์แก้ว โครงการที่พักคนชรา โครงการซุปเปอร์มาร์เก็ตผู้ยากไร้ โครงการสวนแก้วเนอร์สเซอรี่และอีกหลายโครงการ เจ้าอาวาส พระราชธรรมนิเทศ(กลฺยาโณ พะยอม จั่นเพ็ชร์) อุปสมบทเมื่อ ๑๖ มิ.ย.๒๕๑๓
โทร. ๐๒ ๕๙๕ ๑๙๔๕-๗, ๐๒ ๕๙๕ ๑๔๔๔ โทรสาร ๐๒ ๕๙๕ ๑๒๒๒ เว็บไซต์ www.suankaewfoundation.org
การเดินทาง จากสะพานพระนั่งเกล้า ตรงไปสี่แยกไฟแดงที่ ๒ เลี้ยวซ้ายเข้าบางกรวย ประมาณ ๒กิโลเมตรจะถึงวัด หรือจากท่าน้ำนนทบุรี ข้ามไปฝั่งท่าน้ำบางศรีเมือง แล้วต่อรถสองแถวไปถึงวัดสวนแก้ว ค่าโดยสารคนละ ๘ บาท
วัดราษฎร์ประคองธรรม ตั้งอยู่เลขที่ ๖๓ หมู่ที่ ๑ ตำบลเสาธงหิน อำเภอบางใหญ่ เป็นวัดสังกัดมหานิกาย สร้างเมื่อประมาณ พ.ศ.๒๒๕๖ เดิมชาวบ้านเรียกว่า วัดค้างคาว บริเวณด้านหน้าวัดติดคลองอ้อมนนท์ มีสวนล้อมรอบ ภายในวัดเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์ (หลวงพ่อพระนอน) และหลวงพ่อโต (ซำปอกง) ซึ่งมีพุทธศาสนิกชนชาวไทยและต่างชาติให้ความสนใจและเดินทางมาเคารพสักการะ อยู่เสมอ เจ้าอาวาส พระครูกิตติวิริยาภรณ์(มหาวีโร วิทยา เพ็ชรปาน) อุปสมบทเมื่อ ๑๐ พ.ค.๒๕๓๕
การเดินทาง ใช้ถนนรัตนาธิเบศร์ เมื่อข้ามสะพานพระนั่งเกล้า และผ่านสี่แยกท่าอิฐ จะถึงสี่แยกบางพลูให้เลี้ยวซ้ายเข้าวัด นอกจากนี้ยังสามารถเดินทางเข้าถึงได้จากเส้นทางตลิ่งชัน-สุพรรณบุรีบริเวณ เทศบาลบางม่วงได้อีกทางหนึ่ง สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. ๐๒-๕๙๕-๑๔๕๖
.วัดสวนแก้ว หมู่ ๑ ตำบลบางเลน บางใหญ่ นนทบุรี เดิมชื่อ “วัดแก้ว”เป็นวัดร้างมาราว ๙๐ ปี เป็นสถานที่เผยแพร่ธรรมโดยพระพิศาลธรรมพาที(พระพยอม กัลยาโณ) เป็นพระนักพัฒนา ท่านได้ริเริ่มโครงการต่างๆของมูลนิธิสวนแก้วเพื่อพัฒนาสังคม และคุณภาพชีวิตของผู้ด้อยโอกาสในสังคมจนประสบความสำเร็จ เช่น โครงการร่มโพธิ์แก้ว โครงการที่พักคนชรา โครงการซุปเปอร์มาร์เก็ตผู้ยากไร้ โครงการสวนแก้วเนอร์สเซอรี่และอีกหลายโครงการ เจ้าอาวาส พระราชธรรมนิเทศ(กลฺยาโณ พะยอม จั่นเพ็ชร์) อุปสมบทเมื่อ ๑๖ มิ.ย.๒๕๑๓
โทร. ๐๒ ๕๙๕ ๑๙๔๕-๗, ๐๒ ๕๙๕ ๑๔๔๔ โทรสาร ๐๒ ๕๙๕ ๑๒๒๒ เว็บไซต์ www.suankaewfoundation.org
การเดินทาง จากสะพานพระนั่งเกล้า ตรงไปสี่แยกไฟแดงที่ ๒ เลี้ยวซ้ายเข้าบางกรวย ประมาณ ๒กิโลเมตรจะถึงวัด หรือจากท่าน้ำนนทบุรี ข้ามไปฝั่งท่าน้ำบางศรีเมือง แล้วต่อรถสองแถวไปถึงวัดสวนแก้ว ค่าโดยสารคนละ ๘ บาท
วัดราษฎร์ประคองธรรม ตั้งอยู่เลขที่ ๖๓ หมู่ที่ ๑ ตำบลเสาธงหิน อำเภอบางใหญ่ เป็นวัดสังกัดมหานิกาย สร้างเมื่อประมาณ พ.ศ.๒๒๕๖ เดิมชาวบ้านเรียกว่า วัดค้างคาว บริเวณด้านหน้าวัดติดคลองอ้อมนนท์ มีสวนล้อมรอบ ภายในวัดเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์ (หลวงพ่อพระนอน) และหลวงพ่อโต (ซำปอกง) ซึ่งมีพุทธศาสนิกชนชาวไทยและต่างชาติให้ความสนใจและเดินทางมาเคารพสักการะ อยู่เสมอ เจ้าอาวาส พระครูกิตติวิริยาภรณ์(มหาวีโร วิทยา เพ็ชรปาน) อุปสมบทเมื่อ ๑๐ พ.ค.๒๕๓๕
การเดินทาง ใช้ถนนรัตนาธิเบศร์ เมื่อข้ามสะพานพระนั่งเกล้า และผ่านสี่แยกท่าอิฐ จะถึงสี่แยกบางพลูให้เลี้ยวซ้ายเข้าวัด นอกจากนี้ยังสามารถเดินทางเข้าถึงได้จากเส้นทางตลิ่งชัน-สุพรรณบุรีบริเวณ เทศบาลบางม่วงได้อีกทางหนึ่ง สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. ๐๒-๕๙๕-๑๔๕๖
วัดบรมราชากาญจนาภิเษกอนุสรณ์(คณะสงฆ์จีนนิกายรังสรรค์) วัดใหม่ปี ๒๕๕๑ ตั้งอยู่เลขที่ ๗๕ ม.๔ ต.โสนลอย อ.บางบัวทอง นนทบุรี พระคณาจารย์จีนธรรมปัญญาจริยาภรณ์ (ท่านเจ้าคุณเย็นเชี้ยว) ดำเนินการก่อสร้างและพระมหาคณาจารย์จีนธรรมสมาธิวัตร เป็นประธานที่ปรึกษา พร้อมทั้งพุทธบริษัทไทย-จีนร่วมกันสร้างถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระองค์ เนื่องในวโรกาสอันเป็นมหามงคลสมัยปีกาญจนาภิเษก ทางวัดมังกรกมลาวาส ได้กราบทูลเชิญสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปรินายก สมเด็จองค์ประธานวางศิลาฤกษ์ เมื่อวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๓๙ เวลา ๑๕.๐๐ น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชานุญาตให้สร้างวัดและพระราชทาน นามว่า“วัดบรมราชากาญจนาภิเษกอนุสรณ์ คณะสงฆ์จีนนิกายรังสรรค์” งานสมโภช สวดมนต์เพื่อเป็นสิริมงคล รวม ๗ วัน ๗ คืน ตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ ๒๐-วันพุธที่ ๒๖ มีนาคม ตั้งวัดเมื่อ พ.ศ.๒๕๕๑ (วัดใหม่ล่าสุดวัดลำดับจัดตั้งที่ ๑๙๐)
ความที่ชอบกินเนื้อ เลยต้องไปหาเนื้อกิน
ก๋วยเตี๋ยว เรือเนื้อที่บางใหญ่ปากซอยชั้นบนข้างลานสเกตกับข้างปั้มปอตอทอขาเข้าจาก สุพรรณปากซอยที่บ้านก็อร่อยดี เขาว่ามีเจ้าแรกขายที่ปากซอยหมู่บ้านบัวทองด้วย กินในห้างร้านชามเล็กชามใหญ่อิ่มหน่อยก็สามสิบห้าบาทให้ค่าที่ค่ายี่ห้อเขา ด้วย เพราะเขารับประกันความอร่อย
คนแน่นร้านเลย
แต่พวกขายอย่างอื่นในห้างนี้ทำท่าจะสลบกันหมด โรงหนัง มือถือ เสื้อผ้า ของกิน ของขาย หนังสือ
นึกแล้วเสียดาย
ความที่นโยบายประเทศชาติมันเอาแน่ไม่ได้
พวก เอกชนเขาก็อยากได้กำไรเยอะๆ โดยเฉพาะพวกลงทุนตัวใหญ่ที่กะฟันขายเอากำไรแล้วเผ่น ทิ้งภาระไว้ให้ผู้ค้าขายผู้อาศัยในย่านที่รอรถไฟฟ้าการคมนาคมสื่อสารยอด เยี่ยม รอกันจนทุนหายกำไรหด ปิดร้านหนีผีหลอกไปหาทำเลใหม่ให้มันไกลไปจาก รถไฟฟ้าบางใหญ่บางซื่อ ให้ไกลแสนไกล
จะได้ลืมๆไปบ้างกับถ้อยคำสัญญาหลอกลวงของภาครัฐทุกสมัย
ส่วน พวกที่เข้ามาอยู่อาศัยก็เฝ้าแต่รอว่าอีกหน่อยองค์การบริหารส่วนตำบลกับ เทศบาลคงพัฒนาศักยภาพเทียบเงินเทียบช่างเทียบครูเทียบโรงพยาบาลอะไรต่อมิ อะไรเท่ากับเขตปกครองพิเศษกะเขาเสียที
การ บริหารจัดการบรรดานายกท้องถิ่นเขาเป็นมือนักธุรกิจรับเหมามืออาชีพกันทั้ง นั้น หายห่วงเรื่องบริหาร ส่วนเรื่องความปลอดภัยมั่นคงก็ส่วนของปกครองกับตำรวจ โดยหากทำงานแยกแยะกันชัดเจนในระบบท้องถิ่นทั่วไทยเมื่อไหร่ พัฒนากรก็สดชื่นเพราะพัฒนามวลชนง่ายสบายอุรา ไม่ต้องมาคอยเป็นคนกลางหรือรับงานนอกที่ไม่ได้ตังคมาทำบ้าบออีก คนรักกันทั้งตำบลก็จะขยันหาเลี้ยงชีพแล้ว ไม่มาทะเลาะกันทั้งผู้นำและชาวบ้าน แสดงว่าพัฒนากรประสบความสำเร็จเรื่องการเป็นพี่เลี้ยงผู้นำทั้งแบบเป็นทาง การและไม่ใช่
รออยู่แหละเห็นเสารถไฟฟ้าขึ้นตรงปากซอยรางๆแล้ว
เพราะคนมาหาถามที่อยู่ที่ขายของเยอะขึ้น
รถวิ่งอยู่หน้าบ้านแบบซุปเปอรไฮเวยเลยตอนนี้เยอะมากสิบหกล้อกับรถบัสรถทัวสวิ่งกันตลบ
แต่ทางหลวงชนบทกับออบอตอสามารถอยู่เพียงสองเลนเหมือนเดิม
อีกเลนคือวิ่งลงคลองไปเลย
ส่วนถนนในฝันที่นายเพิ่งย้ายไป เฝ้าประตูออกไปพม่าเมื่อเดือนก่อนก็ทำท่าจะเป็นหมันอีก สงสัยจะยาก กะจะขับรถเที่ยวจากบางใหญ่ไปกาญจนบุรีและมุ่งไปท่าเรือทวายตะนาวทางพม่าโน่น
เพราะน้องหนุ่มหล่อชาวพม่าคราวที่แล้วล้วนแต่น่ารักเป็นอันมาก
ก็ยังคิดถึงอยู่
ป้าๆอยากไปเยี่ยมหาแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมน่ะ
ส่วนทางกัมพูชานั้นประสาเพื่อนบ้านและมนุษยธรรมค้ำจุนโลก ก็ต้องพยายามสมานฉันท ก็ยังคิดถึงผู้ที่เคยมาอบรมทุกท่าน รวมทั้งหมู่บ้านและถนนทั้งหลายที่ชาวไทยช่วยกันไปแล้วทั้ง๔๘และ๖๗ เพราะเรามีการค้าเสรีกันแล้ว ถ้าเราไม่รักไม่ค้าขายแลกเปลี่ยนกัน พวกภูมิภาคอื่นเขาก็จะชิงตลาดเราไปหมดสิ้น อาเซี่ยนเราต้องรักกันมากๆ
ก็หวังไปต่างๆนานาว่าจะมีรถไฟฟ้าใช้เหมือนบ้านลูกบ้าง
เพราะสุขุมวิทก็บ้าไปพักนึงกว่ารถไฟฟ้าจะเสร็จ
เดินทางสะดวกดี ชอบ
sugarcane waiting for new sky train at Bangyai SQUARE CENTRAL...Hope to be here...if that time are real coming....together with all little investors here...hope that benefit and profit not leave only for big investors...in land lord or big department store or convenient store only that....
got all hot profits ...then left...like business political parties in some low developted countries of this world....
http://www.prakard.com/default.aspx?g=topics&f=413
http://www.moohin.com/007/
http://www.prakard.com/default.aspx?g=topics&f=413
http://www.moohin.com/007/
เมืองนนทบุรี มี ความเป็นมาทางประวัติศาสตร์อันยาวนานกว่า 400 ปี ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา มีคูคลองน้อยใหญ่มากมาย เป็นเมืองเก่าแก่สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี เดิมตั้งอยู่ที่ตำบลบ้านตลาดขวัญ ซึ่งเป็นสวนผลไม้ที่ขึ้นชื่อในสมัยนั้น ได้รับการยกฐานะเป็นเมืองนนทบุรีเมื่อ พ.ศ. 2092 ในรัชกาลสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ บ้านตลาดขวัญเป็นดินแดนแห่งความอุดม สมบูรณ์และเป็นสวนผลไม้ที่มีชื่อแห่งหนึ่งของกรุงศรีอยุธยา ฝรั่งต่างชาติที่ได้เดินทางเข้ามาค้าขายและเจริญสัมพันธไมตรีกับกรุง ศรีอยุธยาต่างก็ได้บันทึกเอาไว้ ดังปรากฏในจดหมายเหตุบันทึกการเดินทางของลาลูแบร์ ชาวฝรั่งเศสผู้ซึ่งเดินทางเข้ามาในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชว่า “สวนผลไม้ที่บางกอกนั้น (หมายถึงกรุงเทพฯ ในปัจจุบัน) มีอาณาบริเวณยาวไปตามชายฝั่ง โดยทวนขึ้นสู่เมืองสยามถึง 4 ลี้ กระทั่งจรดตลาดขวัญ (TALACOUN) ทำให้เมืองหลวงแห่งนี้อุดมสมบูรณ์ไปด้วยผลาหาร ซึ่งคนพื้นเมืองชอบบริโภคกันนักหนา” (จดหมายเหตุลาลูแบร์) ปี พ.ศ. 2179 พระเจ้าปราสาททองโปรดเกล้าฯให้ขุดคลองลัดตอนใต้วัดท้ายเมืองไปทะลุวัด เขมา เพราะเดิมนั้นแม่น้ำเจ้าพระยาไหลวกเข้าแม่น้ำอ้อมมาทางบางใหญ่วกเข้า คลองบางกรวยข้างวัดชลอ มาออกหน้าวัดเขมา เมื่อขุดคลองลัดแล้ว แม่น้ำก็เปลี่ยนทางเดินไหลเข้าคลองลัดที่ขุดใหม่ กลายเป็นแม่น้ำเจ้าพระยา ใหม่ดังปัจจุบันนี้ เมื่อ พ.ศ. 2208 สมเด็จพระนารายณ์มหาราชทรงเห็นว่า แม่น้ำเปลี่ยนทางเดินใหม่นั้น ทำให้ข้าศึกประชิดพระนครได้ง่าย จึงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างป้อมปราการตรงปากแม่น้ำอ้อม และโปรดเกล้าฯให้ย้ายเมืองนนทบุรีมา อยู่ปากแม่น้ำอ้อมด้วย ดังมีศาลหลักเมืองปรากฏอยู่ นอกจากป้อมที่ปากแม่น้ำอ้อมแล้วเข้าใจว่าในสมัยกรุงศรีอยุธยาคงจะได้มีการ สร้างป้อมไม้เอาไว้ที่บริเวณวัดเฉลิมพระเกียรติในปัจจุบัน เพราะปรากฏหลักฐานจากจดหมายเหตุรายวันของบาทหลวง เดอ ชัวซีย์ ผู้ซึ่งเดินทางร่วมมากับคณะราชทูตของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ที่เข้ามาเจริญทางพระราชไมตรี ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชเมื่อ พ.ศ.2228 ว่า “เช้าวันนี้เราผ่านป้อมที่ทำด้วยไม้ 2 ป้อม ป้อมหนึ่ง ยิงปืนเป็นการคำนับ 10 นัด อีกป้อมหนึ่ง 8 นัด ที่มีแต่ปืนครกเท่านั้น ดินปืนดีมากทีเดียว ป้อมทางขวามือเรียกป้อมแก้ว และป้อมทางซ้ายมือเรียกป้อมทับทิม ณ ที่นี้เจ้าเมืองบางกอกก็กล่าวคำอำลาและอ้างเหตุว่าได้ควบคุมเรือขบวนมาส่งจน สุดแดนที่อยู่ในความปกครองของเมืองบางกอกแล้ว แล้วก็ลาท่านราชทูตกลับไป และในปี พ.ศ. 2230 เมื่อลาลูแบร์เป็นราชทูตเข้ามากรุงศรีอยุธยา ก็ได้กล่าวถึงป้อมไม้แห่งนี้ไว้ด้วย โดยที่เขียนเป็นแผนที่เอาไว้อย่างชัดเจนตามหลักฐานดังกล่าว จึงเข้าใจว่าป้อมแก้วคงตั้งอยู่ ณ บริเวณตลาดแก้ว ส่วนป้อมทับทิมเข้าใจว่าคงตั้งอยู่ ณ บริเวณหน้าวัดเฉลิมพระเกียรติในปัจจุบัน ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 4 แห่ง กรุงรัตนโกสินทร์ โปรดเกล้าฯให้ย้ายเมืองนนทบุรีไปตั้งที่ปากคลองบางซื่อบ้านตลาดขวัญ และในสมัยรัชกาลที่ 5 ทรงโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งศาลากลางเมืองขึ้นที่ปากคลองบางซื่อ ฝั่งซ้ายของแม่น้ำเจ้าพระยา จนถึงปี พ.ศ. 2471 รัชกาลที่ 7 ทรงโปรดเกล้าฯ ให้ย้ายศาลากลางมาตั้งที่ราชวิทยาลัย บ้านบางขวาง ตำบลบางตะนาวศรี ปัจจุบันเป็นที่ตั้งกองฝึกอบรมกระทรวงมหาดไทยตั้งอยู่บนถนนประชาราษฎร์ สาย 1 อำเภอเมือง ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ตัวอาคารเป็นสถาปัตยกรรมแบบยุโรปตามอาคารประดับด้วยไม้ฉลุ ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา กรมศิลปากรได้ขึ้นบัญชีเป็นโบราณสถานแห่งหนึ่ง และในปัจจุบันศาลากลางจังหวัดนนทบุรีได้ย้ายที่ทำการมาอยู่ที่ถนนรัตนาธิเบศร์ จังหวัดนนทบุรี ตั้งอยู่ในภาคกลางเป็นจังหวัดหนึ่งใน 5 จังหวัดปริมณฑล คือ นนทบุรี สมุทรปราการ นครปฐม สมุทรสาครและปทุมธานี มีเนื้อที่ประมาณ 622.303 ตารางกิโลเมตร มีแม่น้ำเจ้าพระยาไหลผ่านและแบ่งพื้นที่ของจังหวัดออกเป็น 2 ส่วน เขตการปกครองแบ่งออกเป็น อำเภอเมืองนนทบุรี อำเภอปากเกร็ด อำเภอบางกรวย อำเภอบางใหญ่ อำเภอบางบัวทองและอำเภอไทรน้อย | ||||||||||||||
หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ | ||||||||||||||
|
อยากทราบราคาประเมินตึก c 1 and c 2 ชั้น 8 ครับ อยู่ประมาณเท่าไหร่ครับพี่น้อง | ||||
| ||||
| ||||
Rank: Advanced Member Groups: M | ||||
วัดนี้ได้รับรางวัลอาคารอนุรักษ์ดีเด่นประจำปีพ.ศ. ๒๕๓๖ จากสมาคมสถาปนิกสยาม สถาปัตยกรรมในวัดที่น่าสนใจได้แก่ พระอุโบสถ เป็นศิลปะแบบพระราชนิยมในรัชกาลที่ ๓ (คือ ศิลปะที่ได้รับอิทธิพลจากจีนมาผสม) หลังคามุงด้วยกระเบื้องรางดินเผาชนิดกาบกล้วยไม่เคลือบสี ถือปูนทับแนวทำเป็นลอนลูกฟูกแบบเก๋งจีน หน้าบันประดับด้วยกระเบื้องเคลือบสี สลับลวดลายใบดอกพุดตาน กระจังฐานพระ ช่อฟ้าใบระกา ประดับด้วยกระเบื้องเคลือบสีสลับลายจากประเทศจีน ผนังด้านในเขียนสีลายพุ่มข้าวบิณฑ์ก้านแย่ง มีช่อดอกพุดตานภายใน เพดานลายฉลุปิดทอง ซุ้ม ประตูหน้าต่างประดับลายปูนปั้นรูปใบและดอกพุดตาน พื้นประดับกระจก
ผนังภายในพระอุโบสถเขียนสีลายดอกไม้ร่วง บานประตูหน้าต่างเขียนลายทองรดน้ำ กรอบประตูหน้าต่างประดับปูนปั้นยกดอกพุดตาน พื้นประดับกระจกส่วนด้านในของบานประตูหน้าต่างเขียนรูปกอบัว ดอกบัว นก และสัตว์น้ำ
พระประธานในพระอุโบสถวัดเฉลิมพระเกียรติเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย หล่อด้วยทองแดงทั้งองค์ มีตำนานเล่าว่า ในสมัยรัชกาลที่ 3 โปรดเกล้าฯให้ขุดแร่ทองแดงที่อำเภอจัณทึก จังหวัดนครราชสีมา ได้แร่ถลุงเป็นเนื้อทองแดงมาก พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระราชประสงค์จะใช้ทองแดงนั้นให้เป็น ประโยชน์เกื้อกูลแก่พระพุทธศาสนาก่อน จึงโปรดเกล้าฯให้หล่อพระพุทธรูปซึ่งประดิษฐานเป็นพระประธานในพระอาราม ซึ่งทรงสร้างใหม่ ๒ พระอาราม คือ วัดราชนัดดากับวัดเฉลิมพระเกียรติ และยังได้โปรดเกล้าฯให้หล่อพระพุทธรูปปางอื่นอีก ๓๔ ปางด้วย พระประธานนี้หล่อเสร็จเรียบร้อยเมื่อพ.ศ.๒๓๘๙ เฉพาะที่อัญเชิญไปประดิษฐานที่วัดราชนัดดานั้น เวลาชักเคลื่อนองค์พระไปวัดเกิดอาเพศ ตะเฆ่ (เครื่องลากเข็นของหนัก รูปเตี้ยๆ มีล้อ) ประดิษฐานพระไปทับเอาเจ้าพระยายมราช (บุญนาค) กับทนายอีก ๒ คน ตาย เมื่อถึงสมัยรัชกาลที่ ๔ พระองค์ถวายพระนามพระประธานว่า “พระพุทธมหาโลกาภินันทปฏิมา”
ภายในพระวิหารหลวง หรือเรียกกันว่า วิหารพระศิลาขาว อยู่ด้านทิศใต้ของพระอุโบสถประดิษฐานพระประธานศิลา พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯให้อัญเชิญมาเมื่อพ.ศ. ๒๔๐๑ เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย พร้อมด้วยพระอัครสาวกซ้ายขวาเป็นพระศิลานั่งพับเพียบซึ่งปัจจุบันเหลืออยู่ เพียงองค์เดียว พระเจดีย์ อยู่ทางทิศตะวันตกของพระอุโบสถ เป็นเจดีย์ทรงกลมหรือทรงระฆัง มักเรียกกันว่า ทรงลังกา เนื่องจากได้รับแบบอย่างมาจากลังกา พร้อมกับการเผยแพร่เข้ามาของพุทธศาสนาลัทธิลังกาวงศ์ มีฐานแปดเหลี่ยมสองชั้นสูง ๔๕ เมตร ภายในบรรจุพระบรมธาตุ
ยังมีถาวรวัตถุอื่นที่สำคัญ เช่น การเปรียญหลวง อาคารแบบผสมระหว่างอาคารทรงไทยกับเครื่องบนหลังคาแบบจีน ลักษณะเป็นตึกทรงโรงมีเสาอยู่ข้างใน ภายในประดิษฐานพระพุทธปฏิมากรชัยวัฒน์ ซึ่งหาชมได้ยาก นอกจากนี้ยังมี กุฏิทรงไทย อยู่ด้านเหนือเขตพุทธาวาสจำนวน ๒๐ หลัง เป็นเรือนไทยภาคกลางใต้ถุนสูง กำแพงแก้วและป้อมปราการ เป็นกำแพงก่ออิฐถือปูน มีใบเสมาเหมือนกับกำแพงพระบรมมหาราชวัง มีป้อมปราการทั้งสี่มุม มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ และพระศรีมหาโพธิ์ ต้นโพธิ์พันธุ์พุทธคยาที่ได้มาสมัยรัชกาลที่ ๔
การเดินทาง
รถยนต์ เข้าไปตามถนนบางกรวย-ไทรน้อยแล้วเลี้ยวเข้าท่าน้ำนนทบุรี(ฝั่งธนบุรี) จะมีป้ายบอกทางตลอด หากมาจากฝั่งกรุงเทพฯข้ามสะพานพระราม ๕ แล้วแยกเข้าถนนบางกรวย–ไทรน้อย หรือข้ามจากสะพานพระนั่งเกล้า ถึงแยกบางพลู เลี้ยวซ้ายผ่านวัดสวนแก้ว ขับไปตามทางมีป้ายบอกทางเช่นกัน
เรือ นั่งเรือด่วนเจ้าพระยาไปยังท่าน้ำนนทบุรีแล้วลงเรือหางยาวประจำเส้นทางไป คลองบางใหญ่ ออกจากท่าน้ำนนทบุรีทุก ๒๐ นาที ใช้เวลาเดินทางประมาณ ๕ นาที
รถโดยสารประจำทาง ขึ้นรถโดยสารประจำทางหรือรถสองแถวจากท่าน้ำนนทบุรี (ฝั่งธนบุรี)
*หมายเหตุ-พระวิหารขวาบรรจุพระอัฐิพระอัยิกา(ยาย)และพระราชชนนี พระวิหารซ้ายบรรจุพระบรมอัฐิ(ส่วนหนึ่ง)รัชการที่ ๓ จากความทรงจำของผู้เขียน(สุขนิรันดร์ ดาวเรือง) จากหนังสือ เจ้าชีวิต และหนังสือจดหมายเหตุ(จำเล่นละเจ้าของหนังสือไม่ได้ ค้นหาไม่พบ)
วัดชลอ ตั้งอยู่เลขที่ ๓๓ ถ.บางกรวย-ไทรน้อย ม.๓ ต.วัดชลอ อ.บางกรวย นนทบุรี ตั้งวัดเมื่อ พ.ศ. ๒๐๘๑ พระอุโบสถหลังเก่าอายุกว่า ๔๕๐ ปี แบบเรือสำเภา ขึ้นทะเบียนโบราณสถาน ๒๕๑๓ ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อ พ.ศ.๒๓๑๒ วัดนี้มีประวัติความเป็นมาตั้งแต่ครั้งสมัยกรุงศรีอยุธยา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกษฐ์ได้ทรงเสด็จทางชลมารคมาตามลำน้ำเจ้า พระยาผ่านจังหวัดนนทบุรีเรื่อยมาทางคลอง “ ลัด” ในปัจจุบันเรียกว่า “คลองบางกรวย” พระองค์ทรงเห็นว่า ที่ตรงนี้น่าจะมีการสร้างวัดขึ้นมาสักวัดหนึ่ง แต่เนื่องจากบริเวณนั้นในอดีตเคยมีเรือสำเภาจากเมืองจีนล่มและจมลง มีลูกเรือล้มตายมาก มีความเชื่อว่าเป็นที่อาถรรพ์ ในระหว่างการก่อสร้างก็มีอุปสรรคนานัปการ จึงทรงเสี่ยงสัตยาธิษฐานกับเทพยดาและมีพระสุบินนิมิตไปว่า ชายจีนชรามากราบทูลว่า ต้องสร้างโบสถ์เป็นรูปเรือสำเภาเพื่อการแก้เคล็ด จึงทรงสร้างโบสถ์เป็นรูปเรือสำเภา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกษฐ์ได้ทรงพระราชทานนามวัดดังกล่าวว่า” วัดชลอ” วัดชลอถูกปล่อยให้รกร้างว่างเปล่ามาโดยตลอดเพิ่งจะมีพระภิกษุมาจำพรรษาใน รัชกาลที่ ๓ หรือ รัชกาลที่ ๔ สิ่งที่น่าชมในวัดนี้คือ โบสถ์เรือหงส์ใหญ่ที่สุดในโลก เริ่มก่อสร้างในปี พ.ศ. ๒๕๒๖ โดยหลวงพ่อวัดชลอหรือท่านพระครูนนทปัญญาวิมล ได้เล่าถึงนิมิตรเห็นเรือหงส์ลอยมาอยู่หน้าโบสถ์หลังเก่า (โบสถ์ที่มีลักษณะเหมือนเรือสำเภา) จึงได้เริ่มลงมือก่อสร้าง เจ้าอาวาส พระครูปลัด ทนงค์ ฐิตรํสี(ธรรมศูนย์) อุปสมบท ๒๐ ก.ค. ๒๕๑๕ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. ๐๒-๔๔๗-๕๑๒๑, ๐๒-๘๘๓-๙๒๗๗
กรมหลวงวงษาธิราชสนิท ทรงนิพนธ์ไว้ใน นิราศพระประธม ของพระองค์ท่านว่า
. . . . วัดชลอคิดใคร่จ้าง . . . . . . . . . . คนจร
ปลอบชลอบรรจฐรณ์ - . . . . . . . . . . แท่นน้อง
มาร่วมเรือที่นอน . . . . . . . . . . . . . . .แนบน่อย หนึ่งนา
คิดบ่สมคิดข้อง . . . . . . . . . . . . . . . . ขัดแค้นคำชลอ ฯ
สุนทรภู่ ผ่านหน้าวัดชะลอคราวไปพระประธม ได้เขียนไว้ใน นิราศพระประธม ว่า
วัดชะลอใครหนอชะลอฉลาด
เอาอาวาสมาไว้ให้อาศัยสงฆ์
ช่วยชะลอวรลักษณ์ที่รักทรง
ให้มาลงเรือร่วมนวมที่นอน ฯ
กรมหลวงวงษาธิราชสนิท ทรงนิพนธ์ไว้ใน นิราศพระประธม ของพระองค์ท่านว่า
. . . . วัดชลอคิดใคร่จ้าง . . . . . . . . . . คนจร
ปลอบชลอบรรจฐรณ์ - . . . . . . . . . . แท่นน้อง
มาร่วมเรือที่นอน . . . . . . . . . . . . . . .แนบน่อย หนึ่งนา
คิดบ่สมคิดข้อง . . . . . . . . . . . . . . . . ขัดแค้นคำชลอ ฯ
สุนทรภู่ ผ่านหน้าวัดชะลอคราวไปพระประธม ได้เขียนไว้ใน นิราศพระประธม ว่า
วัดชะลอใครหนอชะลอฉลาด
เอาอาวาสมาไว้ให้อาศัยสงฆ์
ช่วยชะลอวรลักษณ์ที่รักทรง
ให้มาลงเรือร่วมนวมที่นอน ฯ
วัดปราสาท ตั้งอยู่เลขที่ ๑๘ ถ.บางกรวย-ไทรน้อย ม.๔ ต.บางกร่าง อ.เมือง นนทบุรี เจ้าอาวาส พระครูวิสุทธิจริยาภิวัฒน์(วิมโล ฉลาด สดมุ้ย) อุปสมบทเมื่อ ๒๕ พ.ย.๒๕๑๕ ตั้งวัดประมาณ พ.ศ.๒๓๐๐ เป็นวัดเก่าแก่อายุกว่า ๒๕๐ ปี เป็นวัดร้างหลังเสียกรุง สร้างขึ้นใหม่ในสมัยรัชกาลที่ ๒ ภายในโบสถ์มีจิตรกรรมฝาผนังที่ควรศึกษา พระประธานเก่าแก่มีรูปทรงโค้งคล้ายเรือ มีกำแพงแก้ว สองชั้นซึ่งมีร่องรอยให้ศึกษาได้ ปัจจุบันทรุดโทรมมากแล้ว ทางวัดกำลังวางแผนบูรณะซ่อมแซมสมัยอยุธยาตอนปลาย สร้างในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช หน้าบันพระอุโบสถเป็นไม้สักสลักรูปนารายณ์ทรงครุฑ (ปัจจุบันตัวครุฑถูกขโมยไปแล้ว) เครื่องบนเป็นไม้สักประดับด้วยรวยมอญ (ตัวไม้แกะสลักที่ทอดตัวลงมาบนหัวแปตอนหน้าจั่ว เป็นศิลปะมอญ) ตรงหุ่นนก (สามเหลี่ยม ข้างรวยมอญ) เป็นรูปราชสีห์และคชสีห์ ลักษณะทางสถาปัตยกรรมเป็นโบสถ์แบบมหาอุดไม่มีการเจาะฝาผนังเลย ฐานพระอุโบสถเป็นแบบตกท้องช้างหรือท้องสำเภา (การสร้างโบสถ์แบบตกท้องช้างนั้น สามารถอธิบายได้ด้วยเหตุผลทางสถาปัตยกรรม คือเมื่ออากาศร้อน ความร้อนจะลอยตัวขึ้นสูงอากาศเย็นจะพัดเข้าแทนที่ได้สะดวก) ภายในพระอุโบสถประดิษฐานพระประธานและพระสาวก มีภาพจิตรกรรมเขียนขึ้นในสมัยอยุธยาตอนปลายโดยฝีมือของสกุลช่างชั้นสูง นนทบุรี เรียกว่าทศชาติชาดก นับว่าเป็นภาพจิตรกรรมฝาผนังที่เก่าแก่ที่สุดของจังหวัดนนทบุรี ถือว่าวัดนี้เป็นวัดหนึ่ง ที่ดำเนินการอนุรักษ์โบสถ์และศิลปกรรมได้อย่างถูกวิธี จึงทำให้เป็นแหล่งวิทยาการที่น่าสนใจยิ่งของทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ บนศาลาการเปรียญยังมีธรรมาสน์ที่มีอายุเก่าแก่พอกับโบสถ์ ประดับลวดลายตกแต่งอย่างสวยงาม วัดนี้จึงได้รับการยกย่องว่าเป็นวัดที่มีการอนุรักษ์ศิลปกรรมได้อย่างถูก ต้อง เป็นที่เชิดหน้าชูตา
"อุโบสถวัดปราสาท" เป็นอุโบสถสมัยอยุธยาตอนกลาง และเป็นแบบมหาอุด คือผนังด้านข้างไม่มีหน้าต่าง มีเพียงหน้าต่างเล็กตรงผนังด้านหลังพระประธานอย่างเดียว อุโบสถหันหน้าสู่ทิศตะวันออก เป็นอุโบสถแบบมีช่อฟ้า ใบระกา มีทวย มีหน้าบันจำหลักไม้ มีลายจำหลักไม้ดาวเพดานที่หน้ามุข...
(น. ณ ปากน้ำ. สกุลช่างนนทบุรี, เมืองโบราณ, ๒๕๓๐)
. . . . วัดปราสาทเป็นที่รู้จักกันดีของผู้คลุกคลีอยู่ในวงการศิลปะแบบประเพณีนิยม .. วัดนี้มีวิจิตรศิลป์อันงดงามทั้งด้านสถาปัตยกรรมและจิตรกรรมสมัยอยุธยาตอน ปลาย โดยเฉพาะจิตรกรรมฝาผนัง ซึ่งเป็นผลงานสกุลช่างนนทบุรีที่หาชมได้ยากยิ่งแล้วในปัจจุบัน...
. . . . วัดปราสาทสร้างขึ้นเมื่อประมาณพุทธศักราช ๒๓๐๐ ในสมัย อยุธยาตอนปลาย ไม่ปรากฎหลักฐานว่าใครเป็นผู้สร้างได้รับการบูรณะปฏิสังขรณ์มาหลายครั้ง กรมศิลปากรได้เคยบูรณะจิตรกรรมฝาผนังภายในพระอุโบสถมาครั้งหนึ่งแล้ว...
. . . . พระอุโบสถวัดปราสาทนั้นก็เหมือนกับพระอุโบสถของวัดอื่น ๆ ที่สร้างในสมัยอยุธยา กล่าวคือไม่มีหน้าต่างด้านข้าง แต่มีหน้าต่างเล็ก ๆ อยู่ทางด้านหลังพระอุโบสถเบื้องหลังพระประธานเท่านั้น...
(กรมการศาสนา, ประวัติวัดทั่วราชอาณาจักร เล่ม ๒ หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๔๐)
หมายเหตุ : คัดข้อความโดย "ปุ้มปุ้ย" ...
การเดินทาง
รถยนต์ วัดนี้ตั้งอยู่ริมถนนบางกรวย-ไทรน้อย จากสะพานพระนั่งเกล้า ตรงไปสี่แยกไฟแดงที่ ๒ เลี้ยวซ้ายเข้าบางกรวย ผ่านวัดสวนแก้ว ตรงไปทางเส้นบางกรวย-ไทรน้อย จะเห็นป้ายบอกทางไปวัด หรือ จากท่าน้ำนนทบุรีนั่งเรือข้ามฟากมา โดยสารรถสองแถวสายบางใหญ่-ท่าน้ำ คิวรถอยู่ใกล้กับวัดเฉลิมพระเกียรติวรวิหาร
เรือ ต้องเดินจากท่าเรือผ่านสวน ของชาวบ้านเข้าไปประมาณ ๒ กิโลเมตร
วัดลาดปลาดุก ตั้งอยู่เลขที่ ๒๒ คลองบางไผ่ ม.๑๗ ต.บางรักใหญ่ อ.บางบัวทอง นนทบุรี ตั้งวัดเมื่อ ๕ มิ.ย.๒๔๖๕ ไม่ทราบประวัติวัด ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อ ๗ ต.ค.๒๔๗๓ เจ้าอาวาส พระครูวิบูลย์นนทกิจ(ปกงฺกโร แสวง จันทร์อ้น) อุปสมบทเมื่อ ๑๐ เม.ย.๒๔๙๗"อุโบสถวัดปราสาท" เป็นอุโบสถสมัยอยุธยาตอนกลาง และเป็นแบบมหาอุด คือผนังด้านข้างไม่มีหน้าต่าง มีเพียงหน้าต่างเล็กตรงผนังด้านหลังพระประธานอย่างเดียว อุโบสถหันหน้าสู่ทิศตะวันออก เป็นอุโบสถแบบมีช่อฟ้า ใบระกา มีทวย มีหน้าบันจำหลักไม้ มีลายจำหลักไม้ดาวเพดานที่หน้ามุข...
(น. ณ ปากน้ำ. สกุลช่างนนทบุรี, เมืองโบราณ, ๒๕๓๐)
. . . . วัดปราสาทเป็นที่รู้จักกันดีของผู้คลุกคลีอยู่ในวงการศิลปะแบบประเพณีนิยม .. วัดนี้มีวิจิตรศิลป์อันงดงามทั้งด้านสถาปัตยกรรมและจิตรกรรมสมัยอยุธยาตอน ปลาย โดยเฉพาะจิตรกรรมฝาผนัง ซึ่งเป็นผลงานสกุลช่างนนทบุรีที่หาชมได้ยากยิ่งแล้วในปัจจุบัน...
. . . . วัดปราสาทสร้างขึ้นเมื่อประมาณพุทธศักราช ๒๓๐๐ ในสมัย อยุธยาตอนปลาย ไม่ปรากฎหลักฐานว่าใครเป็นผู้สร้างได้รับการบูรณะปฏิสังขรณ์มาหลายครั้ง กรมศิลปากรได้เคยบูรณะจิตรกรรมฝาผนังภายในพระอุโบสถมาครั้งหนึ่งแล้ว...
. . . . พระอุโบสถวัดปราสาทนั้นก็เหมือนกับพระอุโบสถของวัดอื่น ๆ ที่สร้างในสมัยอยุธยา กล่าวคือไม่มีหน้าต่างด้านข้าง แต่มีหน้าต่างเล็ก ๆ อยู่ทางด้านหลังพระอุโบสถเบื้องหลังพระประธานเท่านั้น...
(กรมการศาสนา, ประวัติวัดทั่วราชอาณาจักร เล่ม ๒ หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๔๐)
หมายเหตุ : คัดข้อความโดย "ปุ้มปุ้ย" ...
การเดินทาง
รถยนต์ วัดนี้ตั้งอยู่ริมถนนบางกรวย-ไทรน้อย จากสะพานพระนั่งเกล้า ตรงไปสี่แยกไฟแดงที่ ๒ เลี้ยวซ้ายเข้าบางกรวย ผ่านวัดสวนแก้ว ตรงไปทางเส้นบางกรวย-ไทรน้อย จะเห็นป้ายบอกทางไปวัด หรือ จากท่าน้ำนนทบุรีนั่งเรือข้ามฟากมา โดยสารรถสองแถวสายบางใหญ่-ท่าน้ำ คิวรถอยู่ใกล้กับวัดเฉลิมพระเกียรติวรวิหาร
เรือ ต้องเดินจากท่าเรือผ่านสวน ของชาวบ้านเข้าไปประมาณ ๒ กิโลเมตร
วัดไผ่เหลือง(บางรักพัฒนา) ตั้งอยู่เลขที่ ๔๑/๑ ถ.รัตนาธิเบรศ์ ม.๔ ต.บางรักพัฒนา อ.บางบัวทอง นนทบุรี ตั้งวัดเมื่อ ๓๐ ก.ค.๒๕๒๘ ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อ ๑ ก.พ.๒๕๓๓ เจ้าอาวาส พระมหาอนุชาติ อนุภทฺโท(พันธุ์วิทยากูล) อุปสมบทเมื่อ ๙ พ.ค.๒๕๓๘
วัดโปรดเกษ ตั้งอยู่เลขที่ ๗๔ คลองพระอุดม ม.๒ ต.คลองพระอุดม อ.ปากเกร็ด นนทบุรี ตั้งวัดเมื่อ พ.ศ.๒๓๑๗ ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อ พ.ศ.๒๓๑๗ เจ้าอาวาส พระสมุห์ผิน ชินวโร(กล่ำโทก) อุปสมบทเมื่อ ๕ เม.ย.๒๕๐๐
วัดไผ่ล้อม (เกาะเกร็ด) ตั้งอยู่เลขที่ ๑ บ้านโอ่งอ่าง ม.๖ ต.เกาะเกร็ด อ.ปากเกร็ด นนทบุรี เป็นวัดที่สร้างสมัยอยุธยาตอนปลาย มีปูชนียสถานที่สำคัญ คือ อุโบสถ เป็นโบสถ์สมัยอยุธยาที่งามมากแห่งหนึ่ง แต่มีการซ่อมครั้งใหญ่สมัยรัชกาลที่ ๒ ถึงรัชกาลที่ ๓ ลายจำหลักไม้ที่หน้าบันเป็นลายดอกไม้งามมาก เช่นเดียวกับสาหร่ายและรวงผึ้งแกะสลักไม้ได้งดงาม เจ้าอาวาส พระอางุย สุนฺทโร(วงษ์สกุล) อุปสมบทเมื่อ ๑๕ พ.ค.๒๕๓๓ ตั้งวัดเมื่อ พ.ศ.๒๓๑๓
วัดกลางเกร็ด ตั้งอยู่เลขที่ ๑ บ้านคลองลัดเกร็ด ถ.ภูมิเวทย์ ต.บางตลาด อ.ปากเกร็ด นนทบุรี ติดแม่น้ำลัดเกร็ด มีพระอุโบสถขนาดเล็กเก่าแก่มาก (ปกติไม่เปิด) พระประธานปางมารวิชัย และมีพระวิหารพระพุทธไสยาสน์ ยาว ๑๑ วา (๒๒ เมตร) อายุกว่า ๑๐๐ ปีที่มีผู้นับถือจำนวนมาก ตั้งวัดเมื่อ พ.ศ. ๒๓๑๐ ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อ พ.ศ. ๒๓๓๒ พ่อค้าแม่ค้าทางเรือจะเลื่อมใสศรัทธาในหลวงพ่อโต วัดกลางเกร็ด แวะเวียนมาเพื่อปะพรมน้ำมนต์ให้เกิดสิริมงคลค้าขายรุ่งเรือง ภายในวัดยังมีพระไสยาสน์สักการะด้วย นอกจากนี้บริเวณริมน้ำหน้าวัด เป็นแหล่งที่มีปลาสวายจำนวนมาก มีบรรยากาศร่มรื่น พร้อมภาพชีวิตริมน้ำที่แตกต่างจาก บรรยกาศอันจอแจของแหล่งชุมชน เจ้าอาวาส พระครูนนทสารวิสิทธิ์ (นนฺทิโย วิสิทธิ์ ขวัญเมือง) อุปสมบทเมื่อ ๑๓ ก.ค. ๒๔๖๕
| ||||||||||||||||||||||||||